ทำความรู้จักกับ โรคจิตเภท (Schizophrenia)
โรคจิตเภทคืออะไร
โรคจิตเภทเชื่อกันว่าเกิดจากความไม่สมดุลของสารเคมีในสมอง มักเริ่มปรากฏในวัยรุ่นตอนปลายหรือวัยผู้ใหญ่ตอนต้น แม้ว่าอาการจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปสามารถแบ่งออกได้เป็นสามประเภทหลัก: อาการเชิงบวก (positive symptoms), อาการเชิงลบ (negative symptoms) และอาการด้านการรับรู้ (cognitive symptoms)
อาการของโรค
อาการเชิงบวก (Positive Symptoms):
อาการประสาทหลอน (Hallucinations): การรับรู้สิ่งที่ไม่มีอยู่จริง เช่น ได้ยินเสียง เห็นภาพ ได้กลิ่น หรือรู้สึกถึงสัมผัสที่ผู้อื่นไม่ได้รับรู้ การได้ยินเสียงเป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด เสียงเหล่านี้อาจพูดคุย สั่งการ หรือแสดงความคิดเห็นต่อผู้ป่วยได้ ตัวอย่างเช่น ได้ยินเสียงคนพูดคุยกับตนเองทั้งที่ไม่มีใครอยู่, ได้ยินเสียงสนทนาปกติเหมือนมีเพื่อนอยู่ใกล้ๆ หรือได้ยินเสียงที่น่ากลัว
อาการหลงผิด (Delusions): ความเชื่อที่ผิดเพี้ยนอย่างรุนแรงโดยไม่มีหลักฐานสนับสนุน ตัวอย่างเช่น เชื่อว่าผู้อื่นพยายามทำร้ายตนเอง (อาการหลงผิดแบบถูกปองร้าย), เชื่อว่าตนเองมีพลังพิเศษ (อาการหลงผิดแบบยิ่งใหญ่) หรือเชื่อว่าความคิดของตนถูกควบคุมโดยผู้อื่น (อาการหลงผิดแบบถูกควบคุม)
ความคิดและการพูดที่สับสน (Disorganized Thinking and Speech): ความคิดที่ไม่ปะติดปะต่อ ทำให้การพูดกระโดดไปมา หัวข้อไม่ต่อเนื่อง หรือใช้คำพูดที่เข้าใจยาก บางครั้งอาจมีการสร้างคำใหม่ขึ้นมาใช้
พฤติกรรมเคลื่อนไหวที่ผิดปกติหรือไม่เป็นระเบียบ (Disorganized or Abnormal Motor Behavior): ความยากลำบากในการทำกิจกรรมประจำวัน พฤติกรรมแปลกๆ หรือไร้จุดหมาย หรือการไม่ตอบสนองและนิ่งเงียบ (ภาวะคาตาโทเนีย - catatonia)
อาการเชิงลบ (Negative Symptoms):
การแสดงอารมณ์ที่ลดลง (Reduced Expression of Emotion - Affective Flattening): ไม่มีสีหน้า, พูดด้วยน้ำเสียงเดียว หรือแสดงอารมณ์ออกมาน้อยมาก
ขาดแรงจูงใจ (Lack of Motivation - Avolition): ขาดความสนใจหรือแรงจูงใจในการทำกิจกรรมประจำวัน เช่น การทำงาน การเรียน หรือการดูแลสุขอนามัยส่วนตัว
การพูดน้อย (Alogia): การพูดลดลง หรือตอบคำถามสั้นๆ
ไม่สามารถรู้สึกยินดีได้ (Anhedonia): ไม่มีความสนใจหรือความสุขกับสิ่งที่เคยชอบหรือเคยให้ความสุข
การเก็บตัวจากสังคม (Asociality): หลีกเลี่ยงการเข้าสังคม หรือรู้สึกโดดเดี่ยว
อาการด้านการรับรู้ (Cognitive Symptoms):
ปัญหาด้านความสนใจ (Problems with Attention): ความยากลำบากในการจดจ่อ หรือฟุ้งซ่านง่าย
ปัญหาด้านความจำ (Problems with Memory): ความยากลำบากในการจำข้อมูลใหม่ๆ ที่เรียนรู้มา
ปัญหาด้านการวางแผนและการตัดสินใจ (Problems with Executive Function): ความยากลำบากในการแก้ปัญหา การตัดสินใจ หรือการวางแผน
วิธีการหลีกเลี่ยง
แม้จะยังไม่มีวิธีป้องกันโรคจิตเภทได้อย่างสมบูรณ์ แต่มีบางปัจจัยที่อาจช่วยลดความเสี่ยงหรือป้องกันอาการไม่ให้แย่ลงได้:
หลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติด: สารเสพติด โดยเฉพาะยาที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท อาจกระตุ้นให้อาการปรากฏขึ้นหรือแย่ลงในผู้ที่มีความเสี่ยง
จัดการความเครียด: ความเครียดที่รุนแรงสามารถกระตุ้นให้อาการของโรคปรากฏขึ้นหรือกำเริบได้ ดังนั้นจึงควรหาวิธีจัดการความเครียดอย่างมีประสิทธิภาพ
ได้รับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ: หากเริ่มมีอาการ การพบแพทย์และได้รับการรักษาตั้งแต่แรกเริ่มจะช่วยลดความรุนแรงของโรคและปรับปรุงผลลัพธ์ในระยะยาว
ควรทำอย่างไร
หากคุณหรือคนรู้จักมีอาการที่เข้าข่ายโรคจิตเภท:
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต (จิตแพทย์) โดยเร็วที่สุด การวินิจฉัยและการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
ปฏิบัติตามแผนการรักษา: การรักษาหลักประกอบด้วยการใช้ยา (ยารักษาโรคจิต) และการบำบัดทางจิตเวช (psychotherapy) โปรดรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดและเข้ารับการบำบัดอย่างสม่ำเสมอ
แสวงหาการสนับสนุน: ขอความช่วยเหลือและการสนับสนุนจากครอบครัว เพื่อน หรือกลุ่มสนับสนุน ซึ่งจะช่วยให้รับมือกับโรคได้ดีขึ้น
รักษาวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี: การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดี
โรคจิตเภทเป็นโรคที่รักษาได้ และด้วยการรักษาและการสนับสนุนที่เหมาะสม ผู้ป่วยสามารถจัดการกับอาการและใช้ชีวิตเกือบเป็นปกติได้ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อผู้ป่วย จะช่วยลดการตีตราและสร้างสังคมที่ดีขึ้นได้
Mayo Clinic. (2020, December 19). Schizophrenia. Retrieved from
American Psychiatric Association (APA). (n.d.). What is Schizophrenia? Retrieved from
