ผลกระทบของโซเชียลมีเดียต่อสุขภาพจิต
โซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของเรา แต่ก็มีด้านลบที่สามารถบั่นทอนสุขภาพจิตได้ บทความนี้จะเจาะลึกถึงวัฒนธรรมการเปรียบเทียบ (Comparison Culture) ความกลัวที่จะพลาดโอกาส (FOMO) และผลกระทบของการ 'Doom-Scrolling' พร้อมเสนอแนวทางปฏิบัติเพื่อส่งเสริมการใช้สื่อดิจิทัลอย่างมีสติและปกป้องสุขภาพจิตของเรา
1. วัฒนธรรมการเปรียบเทียบ (Comparison Culture)
การที่เราเห็นแต่ภาพชีวิตที่ดูสมบูรณ์แบบของผู้อื่นบนโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่อง สามารถนำไปสู่ความรู้สึกไม่พอใจในชีวิตของตนเอง ลดความภาคภูมิใจในตนเอง และกระตุ้นให้เกิดความเครียด ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้าได้
อาการ
รู้สึกเศร้าหรือไม่มีความสุข เมื่อเปรียบเทียบชีวิตตัวเองกับโพสต์ของผู้อื่น
ไม่พอใจในรูปร่างหน้าตาหรือความสำเร็จของตนเอง
รู้สึกซึมเศร้าหรือวิตกกังวลมากขึ้นหลังจากการเล่นโซเชียลมีเดีย
รู้สึกกดดันที่ต้องพยายามทำตัวให้สมบูรณ์แบบอยู่เสมอ
2. FOMO - ความกลัวที่จะพลาดโอกาส (Fear of Missing Out)
FOMO คือความกังวลอย่างรุนแรงว่าตนเองกำลังพลาดประสบการณ์ โอกาส หรือกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นที่เพื่อนหรือคนอื่น ๆ บนโซเชียลมีเดียกำลังทำอยู่ ความรู้สึกนี้กระตุ้นให้ต้องตรวจสอบโซเชียลมีเดียอยู่ตลอดเวลา ทำให้ขาดสมาธิและความสงบทางจิตใจ
อาการ
กระสับกระส่ายหรือหงุดหงิดเมื่อไม่ได้ตรวจสอบโทรศัพท์หรือโซเชียลมีเดีย
รู้สึกวิตกกังวล ซึมเศร้า หรืออิจฉาเมื่อเห็นโพสต์เกี่ยวกับกิจกรรมที่ตนเองไม่ได้เข้าร่วม
ตรวจสอบโซเชียลมีเดียเป็นสิ่งสุดท้ายก่อนนอนและสิ่งแรกเมื่อตื่นนอน
รู้สึกว่าต้องใช้โซเชียลมีเดียเพื่อคงความสัมพันธ์กับผู้อื่นไว้
3. ผลกระทบของ Doom-Scrolling
Doom-Scrolling คือการที่เราเลื่อนดูข่าวร้าย ข้อมูลเชิงลบ หรือเรื่องน่ากังวลอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน พฤติกรรมนี้จะเพิ่มระดับความเครียด ความวิตกกังวล และสร้างมุมมองเชิงลบต่อโลก
อาการ
มีอาการของภาวะซึมเศร้า (เช่น ซึมเศร้า, ไม่สบายใจ) เพิ่มขึ้นหลังจากอ่านข่าวร้าย
มีปัญหาการนอนหลับหรือรูปแบบการนอนถูกรบกวน
รู้สึกว่าโลกไม่ปลอดภัย หรือมีความหวาดกลัวและตื่นตระหนกมากเกินไป
เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพจิต ควรทำอย่างไร?
การใช้โซเชียลมีเดียอย่างหนักไม่ได้ถูกจัดเป็นโรคทางจิตเวชโดยตรง แต่ถือเป็นพฤติกรรมเสี่ยงสูง ที่นำไปสู่ปัญหาและอาการทางสุขภาพจิตหลายอย่าง เช่น ภาวะซึมเศร้าจากการใช้โซเชียลมีเดีย (Social Media Depression) และ ภาวะวิตกกังวล (Anxiety) นอกจากนี้ยังรวมถึงภาวะ เสพติดโซเชียลมีเดีย (Social Addiction) ซึ่งแสดงออกด้วยอาการต่างๆ ที่ได้กล่าวถึงโดยละเอียดในหัวข้อข้างต้น
สิ่งที่ควรทำ/การป้องกัน
จำกัดเวลาการใช้งาน (Set App Limits): กำหนดเวลาที่ใช้ในโซเชียลมีเดียในแต่ละวัน และใช้ฟีเจอร์จำกัดเวลาของโทรศัพท์หรือแอปพลิเคชัน
คัดกรองฟีดเชิงบวก (Curate a Positive Feed): เลิกติดตาม (Unfollow) หรือปิดการแจ้งเตือน (Mute) บัญชีที่ทำให้รู้สึกไม่ดี วิตกกังวล หรือเปรียบเทียบตัวเอง และเลือกติดตามบัญชีที่สร้างแรงบันดาลใจ ให้ความรู้ หรือความบันเทิง
พักจากดิจิทัล (Take Digital Detox Breaks): พักจากการใช้โซเชียลมีเดียอย่างสิ้นเชิงในช่วงเวลาหนึ่ง เช่น งดใช้ 1 วันต่อสัปดาห์ หรือกำหนดช่วงเวลาปลอดโทรศัพท์ในแต่ละวัน
ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ในชีวิตจริง (Prioritize Real-Life Connections): ใช้เวลากับเพื่อนและครอบครัวแบบตัวต่อตัวมากขึ้น
หลีกเลี่ยงก่อนนอน (Avoid Before Bed): ไม่ควรใช้โทรศัพท์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างน้อย 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงก่อนนอน
References
HelpGuide.org: Social Media and Mental Health : https://www.helpguide.org/mental-health/wellbeing/social-media-and-mental-health
The Jed Foundation: 7 Ways To Protect Your Mental Health When You Use Social Media : https://jedfoundation.org/resource/7-ways-to-protect-your-mental-health-when-you-use-social-media
Harvard Health Publishing: The social dilemma: How to navigate social media and protect your mental health : https://www.health.harvard.edu/blog/the-social-dilemma-how-to-navigate-social-media-and-protect-your-mental-health-202302172895
